ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์

การปกป้องที่ไม่เห็น คำแนะนำในการเลือก ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถของคุณ

ฟิล์มกันรอยรถ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “Cover Sheild Paint Protection Film โดยมีชื่อย่อที่ใครต่างก็รู้สึกคุ้นหูกันเป็นอย่างดีว่า PPF ทำมาจาก เทอร์โมโพลียูรีเทนไฮบริดและเทอร์โมโพลียูรีเทน ที่ว่ากันว่า ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นสูง ในส่วนความหนาจะอยู่ที่ 160-200 ไมครอน เพราะฉะนั้น ถึงเป็น ฟิล์มใสกันรอยppf ที่มีความทนทานเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็น ความคงทนต่อสะเก็ดหิน รวมถึง รอยขีดข่วนต่างๆ เช่น รอยขนแมว และเศษฝุ่นได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างสูง นำมาใช้ทำทั้ง ฟิล์มกันรอยภายใน รวมถึง กรณี ต้องการนำมาใช้ป้องกันรอยขีดข่วนต่างๆ หรือแม้กระทั่งมูลนก ก็สามารถบอกร้านทำฟิล์มใส ให้ช่วยจัดส่งช่าง ติดฟิล์มกันรอยภายนอก เข้าหน้างานเพื่อติดฟิล์มใส ก็สามารถปกป้องรถจากรอยดังกล่าวได้แล้ว

มาถึง แนวทางในการเลือกฟิล์มใสที่จะนำมาใช้กันรอยต่างๆ มีวิธีเลือกที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง? แอดมินเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วดังต่อไปนี้

1. อายุการใช้งานของฟิล์มใส ทางร้านจำหน่ายและติดตั้งฟิล์มใสต้องกล้ารับประกันการใช้งานของฟิล์มใสให้กับลูกค้าทุกๆคน ที่สั่งฟิล์มใสมาใช้งาน ต้องสามารถใช้งานได้นานถึง 3 ปี ถึงจะถือได้ว่า การลงทุนติดฟิล์มใสเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนของรถเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างจะคุ้มค่ามากที่สุด ติดรถไปแล้ว นอกจากป้องกันมูลนก รวมถึง กันรอยขีดข่วนต่างๆ  ยังไม่ต้องเปลี่ยนฟิล์มใสบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ทำให้ การใช้งานรถ เกิดความต่อเนื่อง
2. รูปแบบการใช้งาน ก่อนจะซื้อฟิล์มใส ดูก่อนว่า รูปแบบการใช้งานเป็นแบบไหน? โดยปกติแล้ว จะแบ่งออกเป็น งานภายในและงานภายนอก ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มใสสำหรับงานภายในและฟิล์มใสสำหรับงานภายนอก มีความแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างที่ว่านั้น จะเป็นในเรื่องของวัสดุสำหรับผลิตฟิล์มใส ซึ่งถ้าเป็นงานภายใน ฟิล์มใสมักผลิตมาจาก TPU โพลียูรีเทน 100% โดยมีจุดแข็งในเรื่องของ ไร้ซึ่งส่วนผสมของโพลีไวนิลคลอไรด์ หรือ pvc ถึง 100% เป็นฟิล์มใสเกรดพรีเมียม ไม่ใช่เกรดผสม ซึ่งถ้าถามในเรื่องความยืดหยุ่น พบว่า ฟิล์มสำหรับติดงานภายในรถยนต์ กลับมีความยืดหยุ่นที่ค่อนข้างสูงมาก ทว่าผิวเรียบเนียน ติดงานภายในไปแล้ว เสมือนว่าไม่ได้ติดฟิล์มใสแต่อย่างใด ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับงานภายนอกที่ต้องเจอกับมลพิษต่างๆ รวมถึง สภาพอากาศและสะเก็ดหิน ทำให้ ฟิล์มสำหรับติดงานภายนอก ต้องแข็งแรงทนทาน และควรมีอายุการใช้งาน 10 ปี ซึ่งก็จะส่งผลต่องบประมาณที่ตั้งเอาไว้ ระหว่างงานภายในและงานภายนอก เพราะฉะนั้น ต้องรู้ก่อนว่า จะติดฟิล์มใสตรงตำแหน่งใด? แล้วถึงค่อยสั่งฟิล์มใส

ตัวอย่าง ประเภทฟิล์มใสที่นำมาติดงานภายนอกและงานภายใน ก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภทดังต่อไปนี้

-Screen Protection ติดหน้าจอและเรือนไมล์ เนื้อฟิล์มค่อนข้างแข็งอีกทั้งยังมีผิวสัมผัสที่ลื่นใส เป็นต้น -Head Light Protection นำมาติดตรงบริเวณไฟรถ ผลิตมาจาก TPU เกรดพรีเมียม ที่มีสีให้เลือกทั้งหมดถึง 4 สี ด้วยกัน -Sunroof Protection ติดตรงบริเวณหลังคารถ โดยมีข้อดีในเรื่องของการนำมาใช้กันความร้อนได้อีกด้วย -Interior Hi Gross Protection เป็นฟิล์มสำหรับงานภายใน เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดรอยขึ้นมา สามารถลบรอยขีดข่วนดังกล่าวนั้นได้ด้วยตัวเอง

ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถ คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?

ฟิล์มใสที่นำมาติดรถแบ่งออกเป็นฟิล์มใสสำหรับงานภายในและฟิล์มใสสำหรับงานภายนอก ถามว่า หลังจากตัดสินใจสั่ง ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ราคา มาใช้งานไปแล้ว ความคุ้มค่าที่จะได้รับหลังจากนั้น เกินคุ้มหรือเปล่า? ก็ต้องวกกลับมาดูข้อดีของฟิล์มใสทั้ง 2 แบบ ไม่ว่าจะเป็นงานภายในหรืองานภายนอก ซึ่งถ้าเรารู้ถึงข้อดีของการติดฟิล์มใส ก็จะบอกได้เองว่า คุ้มค่าหรือเปล่าดังต่อไปนี้

• ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้  เคลือบแก้วก็คือ การนำน้ำยาเคลือบที่ประกอบไปด้วยสารซิลิก้าหรือที่เรียกว่าผลึกแก้ว มาเคลือบรถ  ลักษณะจะเป็นฟิล์มแก้วบางๆ ผสานกับตัวรถเอาไว้ ซึ่งก็ช่วยปกป้องสีเดิมของรถได้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าถามถึงเรื่องอายุการใช้งาน ส่วนใหญ่แล้ว ใช้งานได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ทำให้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ wrapฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ โดยฟิล์มใสที่เลือก เป็นฟิล์มสำหรับงาน exterior พบว่า หลังจากติดรถไปแล้ว  พบว่ากันรอยได้ถึง 20 เท่า ซึ่งถือว่า เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่า อีกทั้ง ฟิล์มใสสำหรับงานภายนอก มีอายุการใช้งานถึง 10 ปี แม้ราคาจะสูงกว่า แต่ถ้าเทียบกับการแว็กซ์หรือเคลือบแก้ว กลับพบว่า ค่อนข้างคุ้มค่า เพราะไม่ต้องแวะมาที่ร้านเพื่อทำการเคลือบแก้วหรือแว้กซ์บ่อยๆ  ในขณะที่ งานภายใน มักเลือก ฟิล์มtpuรถยนต์ ทั้งนี้เพราะ มีหลายเกรด สามารถเลือกให้ตรงกับการใช้งานได้มากกว่า จึงทำให้ ปกป้องงานภายในได้นานหลายปี โดยไม่ต้องซ่อมสีงานภายในให้เสียเวลา อีกทั้ง ยังลดต้นทุนในเรื่องของการซ่อมสีรวมถึงรอยขีดข่วนต่างๆได้เป็นอย่างดี
• การรับประกันเนื้อฟิล์ม แม้ราคาของฟิล์มใสทั้งในส่วนของงานภายในและงานภายนอก จะค่อนข้างสูงเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการแว็กซ์รวมถึงการเคลือบแก้ว ทว่า ความคุ้มค่าอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าของรถจะได้รับจากร้านรับติดฟิล์มใสครบวงจร ได้แก่ การที่ทางร้านกล้ารับประกันอายุการใช้งานของฟิล์มใสให้กับเจ้าของรถ ซึ่งอายุการใช้งานของฟิล์มใสไม่เท่ากัน ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มใส ไม่ว่าจะเป็นงานภายในหรือภายนอก มีหลายรุ่น และในแต่ละรุ่น อายุการใช้งานแตกต่างกัน ซึ่งการที่ร้านช่วยรับประกันการใช้งานฟิล์มใสติดรถกลับส่งผลดี ทำให้ เจ้าของรถรู้สึกมั่นใจว่า ลงทุนติดฟิล์มใสไปแล้วไม่สูญเปล่าแน่นอน เพราะใช้งานได้นานหลายปีตามที่ร้านรับประกันไว้

ขั้นตอนและเคล็ดลับในการติดตั้งฟิล์มป้องกันสีรถด้วยตัวเอง รับติดฟิล์มกันรอยเชียงใหม่

ระหว่างติดฟิล์มกระจกหน้าร้านรวมถึง ที่อยู่อาศัยกับ ติดฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ด้วยตัวเอง ถ้าจะถามว่า แบบไหนยากกว่า? ก็ต้องบอกว่า การติดฟิล์มใสรถด้วยตัวเอง ทำได้ยากกว่า เพราะต้องเพิ่มในส่วนของ การเป่าลมร้อนลงบนตำแหน่งที่ต้องการจะติดฟิล์ม โดยมีขั้นตอนที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. การเตรียมอุปกรณ์ ก่อนจะ wrapฟิล์มใส อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมได้แก่ เกรียงรีดฟิล์ม ยางดำติดฟิล์ม ฟ็อกกี้ฉีดน้ำ กระดาษทิชชูเอนกประสงค์ ใบมีดคัตเตอร์ ไดร์ทเป่าผม น้ำยาติดตั้ง หรือใช้แชมพูเด็กผสมน้ำ และผ้าสะอาด
2. ทำความสะอาดกระจก โดยใช้น้ำยาติดตั้งฟิล์ม พร้อมกับนำยางดำมารีดน้ำออกให้หมด ซึ่ง ช่างติดฟิล์มกันรอยเชียงใหม่ ก็ใช้วิธีการนี้เช่นเดียวกัน จากนั้น wrapฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ราคาถูก โดยไม่ลืมใช้ไดร์ทเป่าผม ทำการเป่าไปที่ฟิล์มใส เพื่อทำให้ การยึดเกาะนั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกระจกรถรวมถึง ตรงตำแหน่งอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต้องติดฟิล์มใสเพื่อกันรอยขีดข่วน

ความแตกต่างระหว่าง ฟิล์มใสกันรอย และฟิล์มเข้มกันแดดสำหรับรถยนต์

หลายคนเข้าใจว่า ฟิล์มใสสำหรับกันรอยกับฟิล์มเข้มที่นำมาใช้ป้องกันแสงแดดเป็นฟิล์มประเภทเดียวกัน จนทำให้เจ้าของรถบางรายเชื่อไปแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอยหรือฟิล์มเข้มสำหรับกันแดด สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้ มาถึงตรงนี้ ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจเสียใหม่ว่า เอาเข้าจริง ฟิล์มทั้ง 2 แบบ ไม่สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้เลย โดยแอดมินได้เปรียบเทียบฟิล์มใสที่นำมา ติดฟิล์มใสกันรอย กับฟิล์มกรองแสงเอาไว้แล้วดังต่อไปนี้ ถึงความแตกต่างระหว่างฟิล์มทั้ง 2 แบบ

• ฟิล์มใสกันรอย ความแตกต่างข้อแรก เห็นจะเป็นในเรื่องของวัสดุผลิตฟิล์ม ซึ่งถ้าเป็นฟิล์มใสงานภายนอก ผลิตมาจาก PPF ในขณะที่งานภายใน กลับผลิตมาจาก TPU  โดยมีวัตถุประสงค์ในการผลิต ฟิล์มกันรอยขีดข่วน3m ก็เพื่อนำมาใช้ปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้ อีกทั้ง ฟิล์มกันรอยประตูรถยนต์3m ยังทนรอยขีดข่วนทุกรูปแบบดังที่แอดมินกล่าวถึงไปแล้ว ดังนั้น การใช้งานของฟิล์มสำหรับกันรอย ทำขึ้นก็เพื่อปกป้องรอยขีดข่วนต่างๆ ในขณะที่ฟิล์มกรองแสง ไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนแต่อย่างใด ทำให้ วัสดุผลิตฟิล์ม ถึงเป็นคนละประเภทกับวัสดุที่นำมาผลิตฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน โดยแอดมินขอกล่าวถึง ฟิล์มกรองแสงแต่ละแบบเอาไว้คร่าวๆ ในหัวข้อย่อยถัดไป
• ฟิล์มเข้มกันแสงแดดสำหรับรถยนต์ ความแตกต่างของฟิล์มทั้ง 2 ประเภทนี้ เห็นจะเป็นในเรื่องของวัตถุประสงค์ในการนำฟิล์มมาใช้งาน สำหรับฟิล์มเข้มกันแดดรถยนต์ ทำขึ้นมาก็เพื่อ ใช้ลดความร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยฟิล์มดังกล่าว มีคุณสมบัติกรองแสงแดดอีกทั้งยังช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดดรวมถึงตัวแสงแดดได้อีกด้วย จนทำให้ผู้ขับรถรู้สึกสบายตัวและไม่ร้อน ปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ เช่น ฟิล์มกรองแสงธรรมดา ราคาไม่สูงมาก ทว่า ป้องกันรังสียูวีได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิค แม้ราคาฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิคค่อนข้างสูงกว่า ทว่าป้องกันความร้อนได้ถึง 99% อีกทั้งยังค่อนข้างทนทาน ในขณะเดียวกัน กรณีเลือกฟิล์มกรองแสงแบบคาร์บอน แม้ลดความร้อนได้ดี ทว่ากลับมีข้อเสียในเรื่องของการเก็บความร้อน ที่ดูไปแล้ว อาจไม่เข้ากับสภาพอากาศบ้านเราสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ สติ๊กเกอร์ใสกันรอย3m ความแตกต่างเห็นจะเป็นวัสดุผลิตฟิล์ม

ผลกระทบต่อสีรถ ประโยชน์ของ ฟิล์มใสกันรอย ในระยะยาว

ราคาของฟิล์มใสสำหรับกันรอยรถยนต์หรือถ้าต้องการนำมาใช้กับรถกะบะ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ถ้าพูดถึงราคา wrapใสกันรอยราคา เท่าไหร่นั้น? อยู่ที่ปริมาณการใช้งานฟิล์มใสว่า สั่งฟลิ์มใสขนาดใหญ่เพื่อแร็ปรถทั้งคันหรือแร็ปรถเพียงแค่บางจุด ซึ่งถ้าแร็ปรถทั้งคัน ราคาฟิล์มใสก็จะสูง ในส่วน ข้อดีของการติดฟิล์มใสสำหรับรถยนต์ ถ้าว่าด้วยประโยชน์ในระยะยาว มีข้อดีถึง 2 ข้อดังต่อไปนี้

1. ไม่ต้องซ่อมสีรถเอง  อีกหนึ่งคุณสมบัติอันแสนโดดเด่นของฟิล์มกันรอย เห็นจะเป็นในเรื่อง ความสามารถในการลบรอยขีดข่วนด้วยตัวเองหรือที่เรียกว่า Self Healing ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับ PVC ฟิล์มชนิดนี้ ยังมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงกว่า PVC เสียอีก ทำให้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดรอยขึ้นบนรถ ฟิล์มดังกล่าวสามารถซ่อมแซมรอยขีดข่วนต่างๆได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่า เป็นการใช้งานที่ค่อนข้างคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งนี้เพราะ การใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้างระหว่างกำลังใช้รถ? หรือแม้แต่ การจอดรถเฉยๆ เอาไว้ตรงบริเวณโรงเก็บรถ แล้วจู่ๆ เด็กๆซุกซนเผลอนำไม้ปลายแหลมมาขูดรถโดยไม่ตั้งใจ รถก็ยังสามารถสมานแผลเองได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาซ่อมแซมรอยขีดข่วนต่างๆ อันถือได้ว่า เป็นข้อดีของ ฟิล์มใสกันรอย3m ดังนั้น ถึงไม่แปลกใจเลยว่า เพราะอะไร ความนิยมในการ wrapใสกันรอย ถึงเกิดขึ้น? ซึ่งถ้าในระยะยาว ใช้งานแล้วคุ้มค่า ใครบ้าง ไม่อยากสั่งฟิล์มใสมากันรอยขีดข่วนบนรถ
2. ใช้งานรถได้อย่างรู้สึกสบายใจ ความรู้สึกเบาและสบายใจจะเกิดขึ้น หลังจากจ้างร้าน wrapรถใส ไปแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความหนาของฟิล์มใสที่มีถึง 160-200 mcs โดยความหนาดังกล่าว สามารถทนยางมะตอย หรือแม้แต่ การเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ขับรถไปเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งเฉี่ยวชนต้นไม้หรือรถของคนอื่น ความเป็นไปได้ในการเกิดรอย เป็นไปได้น้อยกว่าหลังจากติดฟิล์มกันรอยไปแล้ว หรือแม้กระทั่ง ตอนจะจอดรถภายในโรงเก็บรถที่บ้าน อาจจะเฉี่ยวชนเฟอร์นิเจอร์ไปบ้าง ก็ไม่มีผล ทำให้ เจ้าของรถรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่า รถจะเกิดรอยหรือเปล่า? จากความพลั้งเผลอของตัวเอง

ติดฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ การเลือกฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่เหมาะสมกับแบบรถของคุณ มีประโยชน์อย่างไร?

ฟิล์มใสสำหรับกันรอยรถในบทความที่แอดมินกำลังจะพูดถึงอยู่ในตอนนี้ เป็นฟิล์มใสคนละชนิดกับสติ๊กเกอร์ pvc ที่เคยนำมาแร็ปรถ โดยฟิล์มใสในบทความ มีหลายแบรนด์ ทว่าแบรนด์ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมได้แก่ ฟิล์มใสกันรอยภายในรถยนต์  รวมถึงภายนอกรถยนต์ โดยแบรนด์ที่ว่านั้น มีอายุการใช้งานนานประมาณ 5 ปี นั่นก็คือแบรนด์ 3m ในส่วนของประโยชน์ที่ได้จากการเลือกฟิล์มใสเป็น อีกทั้งเข้ากับรถ แอดมินรวบรวมคำตอบเอาไว้แล้วถึง 2 ข้อ ดังต่อไปนี้

• สามารถคุมงบประมาณในกระเป๋า เจ้าของรถทุกคนมีแบบที่ชอบหรือเลือกเอาไว้แล้วในใจ ซึ่งแบบที่ลูกค้าเลือก เลือกตามความชอบของตัวเอง รวมถึง บ่งบอกความเป็นเพศสภาพว่า เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? อีกทั้ง รถแต่ละประเภท ก็มีหลายแบบ ซึ่งก็ส่งผลโดยตรงต่อแบบฟิล์มใสที่จะนำมาติดรถ ยกตัวอย่าง รถอีโคคาร์ เป็นรถขนาดเล็ก ขนาดฟิล์มใสที่จะนำมาตกแต่งรถอีโคคาร์ก็จะมีขนาดเล็กตามไปด้วย และถ้าเป็นการติดเฉพาะส่วน ราคาฟิล์มใสก็จะถูกลงมาอีก ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นรถซีดานรวมถึงรถครอบครัว ขนาดรถส่งผลโดยตรงกับฟิล์มใส ทำให้ฟิล์มใสที่นำมาติดรถ พลอยมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย ดังนั้น จะ wrapฟิล์มใสpantip หรือแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับแนวทางในการเลือกแบบทั้งที ขนาดรถ เพศสภาพ ต่างมีผลโดยตรงต่อแบบรถที่เลือก เพราะหลังจากนำมาใช้งาน ก็จะเห็นเองว่า ฟิล์มใสเข้ากับรถอีกทั้งยังนำมาใช้ปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้ได้จริงๆ
• ติดตามไลฟ์สไตล์เจ้าของรถ เลือกฟิล์มใสที่เหมาะสมกับแบบรถ ไม่ได้มีเพียงแค่ งานภายนอกที่เมื่อติดฟิล์มใสแล้วรถจะเงาสวย ทว่า ร้านจำหน่ายฟิล์มใสยังได้ขายฟิล์มใสสำหรับงานภายในรถอีกด้วย ซึ่งฟิล์มสำหรับงานภายในและงานภายนอกทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน และแม้ว่า wrapฟิล์มใสราคา สำหรับงานภายนอก ราคาฟิล์มใสจะสูงกว่าก็ตาม แต่ถ้าเลือกให้เหมาะสมตรงกับการใช้งานอีกทั้ง ยังเลือกแบบที่เข้ากับตัวรถ ก็จะทำให้ เจ้าของรถไม่ต้องลอกฟิล์มใสบ่อยๆ ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มใสช่วยปกป้องทั้งสีรถและรอยขีดข่วนต่างๆ ได้นานเป็น 10 ปี อันถือว่าเป็นจุดแข็งของฟิล์มชนิดนี้เลยก็ว่าได้ ดังนั้น การเลือก ฟิล์มกันรอยใส ให้เป็น ถึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะถ้าเลือกฟิล์มใสเป็น ฟิล์มใสถึงสร้างประโยชน์ให้กับตัวผู้สั่งได้อย่างแท้จริง อีกทั้ง ความชอบเจ้าของรถแต่ละคันนั้นไม่เหมือนกัน การเลือกฟิล์มใสเป็นอีกทั้ง ยังเป็นแบบที่เสริมบุคลิกเจ้าของรถ ย่อมทำให้ รถสวย ใช้งานได้นาน และเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนสั่งฟิล์มใส

สุดท้าย การทำตามแบบ ยังช่วยทำให้ แบบที่นำมาติดรถ เป็นแบบที่ค่อนข้างถูกใจลูกค้าอยู่มากพอสมควร ทำให้เจ้าของรถหลายคน สนใจที่จะให้ร้านทำฟิล์มใส ผลิตแบบที่ชอบมากกว่าใช้แบบสำเร็จรูป ซึ่งก็สร้างความพอใจให้เกิดขึ้นกับเจ้าของรถมาแล้วหลายคน จนทำให้ฟิล์มใสที่นำมาติดรถ เป็นฟิล์มที่ใครต่างก็สั่งมาใช้งาน

ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถยนต์ การป้องกันที่คุณไม่เคยรู้

ข้อดีของฟิล์มใสสำหรับติดรถยนต์ ยังมีข้อดีอีกหลายข้อที่แอดมินไม่ได้พูดถึง และข้อดีที่ว่านั้น กลับส่งผลดีในเรื่องของการนำมาใช้ป้องกันในเรื่องต่างๆ ที่เจ้าของรถหลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า การติดฟิล์มใสช่วยป้องกันเรื่องที่เจ้าของรถเป็นกังวลได้ดังต่อไปนี้

1. ป้องกันรังสียูวี หลายคนเข้าใจว่า มีเฉพาะฟิล์มสีเข้มติดกระจกรถเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ป้องกันรังสียูวีได้ เอาเข้าจริงแม้แต่ฟิล์มใสที่นำมาป้องกันรอยขีดข่วนรถ ก็ช่วยปกป้องผู้โดยสารจากรังสียูวีได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ฟิล์มใสกันรอยpu ถึงเป็นอีกหนึ่งวัสดุที่นอกจากป้องกันรอยรถ ยังป้องกันรังสียูวีไม่ให้สะท้อนเข้ามาถึงภายในรถ
2. ป้องกันคราบน้ำเกาะติดรถ อีกหนึ่งคุณสมบัติของ ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์3m ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ ป้องกันยางมะตอยหรือเศษหินมาทำให้รถเป็นรอย ยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ค่อนข้างน่าสนใจเช่นเดียวกันนั่นก็คือ ฟิล์มดังกล่าวประกอบไปด้วยสารเคลือบเงารถ ทำให้ สารที่อยู่บนฟิล์มใส หลังติดตั้งฟิล์มใสไปไม่เกิน 7 วัน สารเคลือบเงาบนฟิล์มจะเริ่มเซ็ทตัว นอกจากรถจะดูเงาฉ่ำแล้ว ประโยชน์ที่ได้จากฟิล์มใสอีกข้อนั่นก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก สามารถป้องกันคราบน้ำที่ผู้คนส่วนใหญ่เป็นกังวล โดยจะไม่มีคราบน้ำมาเกาะที่ตัวรถเป็นอันขาด
3. ป้องกันคราบฝุ่นบนรถ   ความใสของฟิล์มใส ช่วยทำให้รถเงาสวย อีกทั้ง ความใสของฟิล์มยังทำให้ สีที่เห็นบนรถสวยโดดเด่น ในขณะเดียวกันการติดฟิล์มใสยังช่วยทำให้ทุกครั้งที่ต้องการจะทำความสะอาดรถ โดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องการประหยัดงบ การติด ฟิล์มใสกันรอยราคาถูก ช่วยทำให้การล้างรถนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องเข้าร้านเคลือบสีรถ นำรถมาเคลือบสีอีก ก็ทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนรถจนหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย

เทคโนโลยีฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน จากล่าสุดถึงการนำไปใช้งาน ทำไมถึงใช้บริการร้าน ฟิล์มใสกันรอยเชียงใหม่

ติดฟิล์มใส ทำขึ้นเพื่อปกป้องรถจากรอยขีดข่วน พูดง่ายๆ เป็นเรื่องของนวัตรกรรมใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับรถยนต์โดยเฉพาะ ช่วยทำให้รถสวย ใช้งานได้นาน และไม่ต้องทำสีรถ ดังนั้น หัวข้อนี้ มาดูว่า ทำไมถึงใช้บริการร้านติดฟิล์มใสรถยนต์?

• ประสบการณ์ทำงานของช่างติดฟิล์มใส 10 ปี ขึ้นไป เป็นช่างที่สามารถนำฟิล์มใสมาติดรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถกะบะ รถอีโคคาร์ รถเก๋ง รวมถึงรถ 10 ล้อ ทั้งที่เป็นงานภายนอก รวมถึงการนำ ฟิล์มtpuรถยนต์ มาติดงานภายในรถยนต์และอื่นๆ เป็นต้น
• งานค่อนข้างประณีต เป็นช่างที่ได้รับการอบรมหลักสูตรการติดตั้งฟิล์มใสมาแล้ว ทำให้ งานที่ทำออกมานั้น ปราณีต เพราะเป็นการเก็บขอบฟิล์มเอาไว้อย่างมิดชิดจนไม่เห็นขอบฟิล์มซึ่งกลับส่งผลดีด้วยซ้ำ เพราะละอองฝุ่นจะไม่สามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปในฟิล์มแต่อย่างใดได้ ซึ่งก็ใช้หลักการเดียวกับการติด สติ๊กเกอร์ใสกันรอยรถยนต์
• ไม่ต้องคอยนาน ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับการทำสีรถ กรณีต้องการ เคลือบเซรามิกติดฟิล์มกันรอย ทั้งคัน ใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้น งานติดฟิล์มกันรอยก็จะเสร็จจนสามารถนำรถออกมาใช้งานได้ตามปกติ  แตกต่างจากการทำสีรถ ทั้งนี้เพราะทำสีรถทั้งที เกิดขึ้นเพราะ สีของรถดูซีดและไม่สวย อีกทั้ง ยังผ่านขั้นตอนการทำสีมาแล้วหลายขั้นตอน หรือในบางครั้ง คิวรถทำสีค่อนข้างแน่น ทำให้ต้องรอคิวร้านทำสีจนกว่าจะว่าง ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ร้านทำสีรถจะว่างเมื่อไหร่ ดังนั้น สู้เอาเวลาไปติดฟิล์มใสที่สามารถบริหารในเรื่องของเวลาได้ง่ายกว่า ก็ใช้ประโยชน์จากรถคันเดิมได้อย่างรวดเร็วแล้ว อีกทั้งยังเลือกได้อีกว่า จะติดฟิล์มใสรถทั้งคันหรือติดเพียงบางส่วน อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ครอบครองรถเท่านั้นว่าต้องการแบบไหน

รีวิวและเปรียบเทียบ ฟิล์มใสกันรอย ชั้นนำสำหรับรถยนต์

ฟิล์มใสสำหรับกันรอยมีหลายรุ่น ซึ่งในแต่ละรุ่น ก็จะมีอายุการใช้งาน วัสดุที่นำมาผลิตฟิล์มใส การ healing ตัวเอง รวมถึงความทนทานต่อสารเคมีและอื่นๆ ที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น แอดมินถึงแบ่งประเภทของฟิล์มใสที่ ร้านติดฟิล์มกันรอยเชียงใหม่ นิยมสั่งมาใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. Street Fighter  ชนิดของฟิล์มผลิตมาจาก TPU Eco อายุการใช้งานของฟิล์มอยู่ที่ประมาณ 3-4 ปี โดยมีความหนา 200 ไมครอน ซึ่งการรับประกันการใช้งานนานประมาณ 3 ปี โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของการ self Healing หรือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดรอย สามารถ Healing ตัวเองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทนสารเคมี ขี้นก รวมถึงมลพิษต่างๆ ได้ในระดับกลาง ในขณะที่ความยืดหยุ่นนั้น ถือว่า ค่อนข้างดีมาก ถึงนำมาติดตรงจุดไหนของรถก็ได้ ดังนั้น ใครก็ตามที่ต้องการ ติดฟิล์มtpuรถยนต์ ฟิล์มใสรุ่น street figther ค่อนข้างตอบโจทย์พอสมควร
2. Vanguard  ผลิตมาจาก TPU เช่นเดียวกัน โดยมีอายุการใช้งานที่ 5-6 ปี ซึ่งถือว่ามากกว่ารุ่น street figther โดยความหนา จะอยู่ที่ 200 ไมครอนเท่ากัน ในส่วนของ การ Healing ตัวเอง พบว่า การ Healing นั้น มีมากพอๆ กับรุ่น street figther อีกทั้งทนมลพิษ รวมถึง สารเคมีต่างๆ พบว่า เหนือกว่ารุ่น street figther ดังนั้น ใครที่เน้น ติดฟิล์มกันรอยภายในรถยนต์เชียงใหม่ โดยเน้น ฟิล์มที่มีคุณสมบัติทนสารเคมี ฟิล์มใสรุ่น Vanguard คือคำตอบ
3. Hydrotek  มาถึงการเปรียบเทียบคุณสมบัติฟิล์มใสอีกประเภทนั่นก็คือ ฟิล์มใสสำหรับกันรอยรุ่น Hydrotek ผลิตมาจาก Hight -Per TPU โดยมีอายุการใช้งานที่ 7-10 ปี เหมาะสมกับงานภายนอกเป็นอย่างมาก เพราะงานภายนอก เป็นงานที่ต้องเจอมลพิษต่างๆมากมาย ในส่วนของการ Healing ตัวเอง พบว่า  เหนือกว่ารุ่น street figther และรุ่น Vanguard อีกทั้งยังทนสารเคมีและอื่นๆ เหนือกว่าทั้ง 2 รุ่นที่แอดมินกล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านั้น ดังนั้น กรณีต้องการใช้งานให้นานต่อเนื่อง ก่อน แรปใสกันรอย บอกร้านทำฟิล์มใสไปเลยว่า ขอเลือกรุ่น Hydrotek

สุดท้าย รุ่น Hydrotek Ultra เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แอดมินอยากให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จัก โดยวัสดุที่นำมาผลิตฟิล์มใสดังกล่าว ผลิตมาจาก Hi Per TPU ในส่วนอายุการใช้งานจะอยู่ที่ 7-10 ปี สำหรับการ healing ตัวเองนั้น จัดได้ว่า ดีเท่ากับ รุ่น Hydrotek อีกทั้งในส่วนของความทนทานต่อสารเคมี ก็ยังนับว่า ดีเท่ากับรุ่น Hydrotek อยู่ดี

 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิล์มใสกันรอย ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนในรถยนต์ คำตอบที่คุณต้องการรู้

 แอดมินขอรวบรวมคำถามที่ลูกค้ามักถามร้านทำฟิล์มใสบ่อยๆ เพื่อที่ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนๆ ต้องการจะใช้บริการร้านทำฟิล์มใส จะสามารถสื่อสารกับร้านฟิล์มใสได้ โดยแนวทางคำถามที่ผู้คนส่วนใหญ่ถามกับร้านทำฟิล์มใสมีทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน ดังต่อไปนี้

• ฟิล์มใสสำหรับกันรอยรถยนต์คืออะไร จะเป็นคำถามแรกที่คนส่วนใหญ่ชอบถามเพื่อหาคำตอบก่อนว่า ข้อดีของฟิล์มดังกล่าวมีอะไรบ้าง? รวมถึง ลักษณะของฟิล์มใส โดยฟิล์มใสดังกล่าวทำมาจากวัสดุหลายชนิด เช่น ฟิล์มใสtpu  ฟิล์มใสที่ผลิตมาจาก pu และฟิล์มใสที่ผลิตมาจาก PPF รวมถึงเกรดของฟิล์มใส โดยร้านจำหน่ายฟิล์มใส ขายฟิล์มใสหลายแบบ ทั้งฟิล์มใสธรรมดา รวมถึง ฟิล์มใสกันรอยPremium ที่เมื่อสั่งมาใช้งานแล้ว สามารถใช้ได้นานอีกทั้งยังเงาสวย ส่วนใหญ่ได้แก่ ฟิล์มใสแบรนด์ 3m
• จะติดฟิล์มใสรุ่น PPF ด้วยตัวเอง ทำได้หรือเปล่า? บางคนสั่งฟิล์มใสมาติดเพียงบางจุด ไม่ได้ติดทั้งคัน เพราะฉะนั้น การมีความคิดที่จะติดฟิล์มใสด้วยตัวเองถึงเกิดขึ้นซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มใสที่ผลิตมาจากวัสดุดังกล่าว สามารถติดด้วยตัวเองได้ไม่ต่างจากการจ้างช่างทำฟิล์มใสติดตั้ง ฟิล์มใสกันหิน โดยสอบถามถึงวิธีติดฟิล์มใสจากร้านจำหน่ายฟิล์มใสได้ด้วยตัวเอง ทำให้การติดฟิล์มใสนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
• ทำไมถึงต้องติดฟิล์มใส 3m เป็นคำถามยอดฮิตที่ลูกค้ามักจะถามร้านขายฟิล์มใสครบวงจร ก็จะบอกว่า การเลือกฟิล์มใสแบรนด์ 3m ดีในเรื่องคุณภาพของฟิล์มใสที่สัมพันธ์กับอายุการใช้งาน คงไม่มีใครอยากเปลี่ยนฟิล์มใสบ่อยๆ แม้ว่าจะใช้เวลาติดฟิล์มใสไม่นานก็ตาม ทั้งนี้เพราะ ราคาฟิล์มใสค่อนข้างสูง อีกทั้งการลอกฟิล์มใสบ่อยๆ อาจส่งผลต่อสีรถ เพื่อลดปัญหาดังกล่าวข้างต้น เลือกฟิล์มใสแบรนด์ 3m คือคำตอบ

ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถยนต์ เหตุผลที่ควรพิจารณานำฟิล์มใสมาใช้ในรถใหม่ของคุณ

ฟิล์มใสที่ผลิตขึ้นมาเพื่อปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้ โดยเฉพาะ รถที่เพิ่งซื้อมาจากโชว์รูม มีความจำเป็นต้องติดฟิล์มใส ทั้งนี้เพราะฟิล์มใสสามารถปกป้องมลพิษรวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น สารป้องกันการแข็งตัวของ น้ำยาทำความสะอาดกระจก น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่องที่ใช้งานแล้ว ซอสมะเขือเทศ และมัสตาร์ด เป็นต้น ทำให้รถยังคงดูน่าใช้งานและไม่ต้องเข้าร้านทำความสะอาดรถยนต์บ่อยๆ ในขณะเดียวกัน ก็ยังทนต่อความเป็นกรดรวมถึงความเป็นด่างได้อีกด้วย ดังนั้น ใครก็ตามที่เพิ่งถอยรถคันใหม่ออกมาจากโชว์รูม หรือ ผู้ที่เพิ่งขับรถเป็น แต่รู้สึกกังวลว่า รถจะเป็นรอยหรือเปล่าจากการเฉี่ยวชน? เพราะยังไม่มีความชำนาญในการขับรถ ฟิล์มใสช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ถึงทำให้ เจ้าของรถคันใหม่เกือบทุกคนหันมาสั่งฟิล์มใสสำหรับติดรถกันเพิ่มมากขึ้น โดยมีเหตุผลอื่นๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. ช่วยทำให้รถดูใหม่อยู่ตลอดเวลา ถ้าฟิล์มใสที่เลือกเป็นฟิล์มใสสำหรับติดรถแบรนด์ 3m เชื่อหรือเปล่า? รถของคุณจะดูใหม่ตลอดเวลาแม้ใช้งานมาแล้ว 5 ปี ก็ตาม  ซึ่งการที่รถดูใหม่ตลอดเวลา กลับส่งผลดีด้วยซ้ำ ข้อแรก ไม่ต้องกังวลเรื่องสีรถว่า จะซีดหรือเปล่า? ภายหลังใช้งานไปแล้วสักพักใหญ่ๆ ทั้งนี้เพราะ เจ้าของรถหลายคน ต่างประสบพบเจอปัญหาใช้งานแล้วสีรถซีดลงมาพอสมควร จนทำให้ต้องนำรถเข้าอู่เพื่อทำสีใหม่  เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่อยากซ่อมสีรถ การ ติดฟิล์มใสกันสะเก็ดหิน ช่วยในเรื่องดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน
2. เพิ่มความเงางาม ทำให้สีเดิมของรถดูโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น รถทุกประเภทควรติดต่อ ศูนย์ติดตั้งฟิล์มใสกันรอย ทั้งนี้เพราะ ทางศูนย์สามารถเลือกฟิล์มสีที่เหมาะสมและตำแหน่งที่จะสั่งฟิล์มใสมาติดได้แม่นยำมากกว่า ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มใสถูกผลิตและออกแบบมาให้เหมาะสมตรงกับการใช้งาน ยกตัวอย่าง ฟิล์มใสติดฝากระโปรงรถกับฟิล์มใสติดหน้าคอนโซลรถ ใช้ฟิล์มใสคนละแบบ ไม่ควรใช้งานร่วมกัน  ดังนั้น ในส่วนของตัวบอดี้รถ โดยเฉพาะรถใหม่ ฟิล์มใสที่เลือกมาติดงานภายนอก เป็นฟิล์มใสที่มีความใสและเงา เมื่อติดงานภายนอก ก็จะทำให้ ไปเพิ่มสีสันรถให้ดูสดใสและเงางามเสมือนเพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูม

 วิธีดูแลและทำความสะอาด ฟิล์มใสกันรอย บนรถยนต์อย่างถูกวิธี

วิธีติดฟิล์มใสบนกระจก แอดมินกล่าวถึงไปบ้างแล้ว ถึงวิธีติดฟิล์มใส โดยฉีดน้ำผสมแชมพูลงบนแผ่นกาวของฟิล์มรวมถึงตำแหน่งที่จะนำฟิล์มมาติด ซึ่งก็มีเหตุผลง่ายๆ นั่นก็คือ เราสามารถขยับฟิล์มใสระหว่างกำลังติดฟิล์มใสได้ง่ายขึ้นกระทั่งหลังจากจัดฟิล์มใสจนเข้าที่แล้ว ถึงค่อยรีดทั้งในส่วนของน้ำและอากาศออกด้วยแผ่นพลาสติกหรือเกรียงสำหรับรีดแผ่นฟิล์ม ก็จะช่วยทำให้ฟิล์มใสยึดเกาะกับกระจกรถรวมถึงตำแหน่งอื่นๆ ได้อย่างแนบสนิทและดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยไม่ต้องกลัวว่า ฟิล์มใสจะหลุด แต่ถ้าใครยังไม่มีความชำนาญในการติดฟิล์มใส ให้ใช้บริการร้านผลิตและจำหน่ายฟิล์มใสครบวงจร ก็จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้มากกว่า

มาถึง วิธีดูแลฟิล์มใสหลังจากสั่งมาติดรถเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนนี้ ถือว่าสำคัญ ถ้าต้องการทำให้รถที่ติดฟิล์มใสสามารถใช้งานกระทั่งฟิล์มหมดอายุ ต้องรู้วิธีดูแลฟิล์มใส ดังต่อไปนี้

• ขอคำแนะนำจากร้านทำฟิล์มใส ใครที่ไม่เคยติดฟิล์มใสมาก่อน ย่อมไม่รู้จักฟิล์มใส ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติของฟิล์มใส รวมถึง วิธีดูแลและรักษาความสะอาดของฟิล์มใส เพราะฉะนั้น ก็ต้องถามจากร้านทำฟิล์มใส เดี๋ยวทางร้านสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับทุกๆคน เพราะเมื่อรู้วิธีดูแลและรักษา ฟิล์มใสกันรอยป้องกันชิ้นส่วน ก็จะช่วยทำให้ สามารถใช้งานฟิล์มใสได้นานหลายปี
• ศึกษาวิธีดูแลและทำความสะอาดจากบทความ แม้ว่าสอบถามร้านทำฟิล์มใสไปแล้วถึงวิธีดูแล ฟิล์มใสกันรอยปกป้องสีรถ แต่เชื่อเถอะว่า ใช้งานไปสักพัก มีโอกาสสูงที่จะลืม จนไม่รู้ว่า ต้องดูแลและรักษาความสะอาดของฟิล์มใสอย่างไร? ถึงจะถูกวิธี ดังนั้น ทางออกเดียวที่ดีนั่นก็คือ ติดตามอ่านสาระดีๆ จากบทความที่แอดมินได้เตรียมเอาไว้ ก็จะจำวิธีดูแลและรักษาฟิล์มใสที่ติดอยู่บนรถยนต์ ทั้งที่เป็นในส่วนของงานภายในและงานภายนอก ซึ่งทางเพจร้านทำฟิล์มใส มักบอกวิธีดูแลและทำความสะอาดฟิล์มใสเอาไว้แล้วในบทความ โดยมีหลักการง่าย ๆ ให้ตรวจสอบดูก่อนว่า มีละอองฝุ่นรวมถึงเม็ดทรายค้างอยู่ในผ้าหรือเปล่า? ซึ่งถ้าตรวจพบว่า พบละอองฝุ่นหรือเม็ดทรายเล็กๆจริง ก็ต้องกำจัดทิ้งก่อน เพราะถ้าไม่กำจัดทิ้ง เม็ดทรายอาจสร้างความเสียหายให้กับฟิล์มใสจนลดคุณภาพลงมาได้ จากนั้น เตรียมน้ำเปล่า หรือน้ำผสมสบู่อ่อนๆ เช็ดและทำความสะอาดฟิล์มใส ก็จะช่วยทำให้ใช้งานฟิล์มใส ได้อีกนาน

ความสำคัญของฟิล์มป้องกันสีรถในการรักษามูลค่าของรถยนต์ ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ สำคัญอย่างไร

TPU ย่อมาจากคำว่า เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน อยู่ในกลุ่มของอีลาสโตเมอร์ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น หรือถ้าต้องการ อัด เป่า ฉีด เพื่อขึ้นรูป ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับ PPF คุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกันด้วยซ้ำ ทำให้ ร้านทำฟิล์มใส ผลิต ฟิล์มกันรอยรถยนต์tpu มาใช้ปกป้องและคุ้มครองสีเดิมของรถ จนทำให้ ฟิล์มใสสามารถรักษามูลค่าของรถทุกประเภท เพราะอะไร ถึงรักษามูลค่าของรถยนต์รวมถึงรถคันอื่น ๆ เอาไว้ได้? แอดมินเตรียมคำตอบไว้แล้วดังต่อไปนี้

1. รถไร้รอยขีดข่วนต่างๆ  รถจะเกิดรอยขีดข่วนขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อ โดนเศษหิน เศษยางมะตอยโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้ง ความมือบอนของเด็กๆ ที่ยังไม่ประสีประสา ไม่รู้ว่า พฤติกรรมดังกล่าวสามารถสร้างความเสียหายให้กับรถ  ซึ่งเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเรานำรถคันโปรดที่เพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูมมาที่ร้านผลิตฟิล์มใสสำหรับติดรถยนต์ และฟิล์มใสดังกล่าว ยังแบ่งตามการใช้งานออกเป็น ฟิล์มสำหรับติดฝากระโปรงรถ  ประตูรถ หรือแม้กระทั่งหลังคารถ  อีกทั้ง จะติดฟิล์มใสทั้งคัน ข้อนี้ แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีฟิล์มใสอีกประเภท เป็นฟิล์มสำหรับติดคอนโซลรถ รวมถึง ตรงบริเวณอื่นๆ ภายในรถ โดยฟิล์มใสที่นำมาติดรถ แม้จะเป็นคนละประเภท ทว่า ทั้ง 2 แบบ กลับมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างตรงกันนั่นก็คือ ปกป้องรถจากรอยขีดข่วนต่างๆ
2. เสริมลุคเจ้าของรถ ขนาดรถบ่งบอกสถานะเจ้าของรถ ยกตัวอย่าง รถสำหรับพนักงานขายกับรถผู้บริหาร ค่อนข้างมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่อง ขนาดรถ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาทำความสะอาดรถ บ่งบอกทำให้ผู้คนรู้ว่า เป็นรถสำหรับผู้บริหารหรือรถสำหรับพนักงานทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้น การสั่ง ฟิล์มใสติดรถด้านหน้า หรือจะติดทั้งคันรถ กลับช่วยเสริมลุคของผู้ใช้รถ เพราะการติดฟิล์มใส ช่วยทำให้รถดูเงาและสวยขึ้น ซึ่งก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้ใช้รถด้วยว่า ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ด้วยหรือเปล่า? อีกทั้ง การติดฟิล์มใสบนรถ ยังดีในแง่ การทำความสะอาดรถ ทำให้สามารถทำความสะอาดรถด้วยตัวเองได้ อีกทั้ง การทำความสะอาดรถจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็นำรถมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว อีกทั้ง ยังทำให้รถดูเก่าช้า สมราคาที่ซื้อมา เพราะไม่ต้องเปลี่ยนรถบ่อยๆ ก็ใช้งานรถคันเดิมได้

ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถยนต์ ความทนทานกับสภาพอากาศที่แตกต่าง เกิดขึ้นจากสาเหตุใด

พื้นฐานคุณสมบัติทั่วๆไป ของฟิล์มใสสำหรับติดรถ ทำขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสีเดิมของรถรวมถึงกันรอยขีดข่วนต่างๆ ทว่า ยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ค่อนข้างน่าสนใจนั่นก็คือ ความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ถามว่า เกิดมาจากสาเหตุใดกันบ้าง? วันนี้ แอดมินเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วดังนี้

• ผลิตมาจาก PPF  เป็นฟิล์มสีที่ผลิตขึ้นมาเพื่อปกป้องสีเดิมของรถในส่วนที่เป็นตัวรถรวมถึงตัวถังรถโดยเฉพาะ ดังนั้น ถึงเหมาะสมและควรนำมาใช้ทำ ฟิล์มใสกัยรอยฝากระโปรงหน้าและบังโคลนทั้งหมด ทั้งนี้เพราะ ความหนาของฟิล์ม จะอยู่ที่ 200-250 ไมครอน โดยผลิตมาจากเคมีที่ชื่อว่า เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน ซึ่งพลาสติกชนิดนี้ มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างได้ตามชอบ ทั้งนี้เพราะ โมเลกุลที่อยู่ในพลาสติก เป็นแบบโซ่ตรงยาวๆ  อีกทั้งยังเชื่อมต่อระหว่างพอลิเมอร์เอาไว้ค่อนข้างน้อย เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับความร้อน จะอ่อนตัวกระทั่งเหลวหนืด ถึงนำมาขึ้นรูปทรงเป็นอะไรก็ได้ ในทางกลับกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่โดนความเย็น พลาสติกจะกลับไปแข็งตัวเหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีความคิดจะนำพลาสติกมารีไซเคิล ไม่ใช่เรื่องยาก ตรงกันข้าม กลับส่งผลดีด้วยซ้ำเพราะช่วยลดปัญหาขยะได้ ในส่วนของ การนำมาทำฟิล์มใสสำหรับติดรถยนต์ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของพลาสติกที่แอดมินเพิ่งกล่าวถึงเมื่อสักครู่นี้ เป็นเรื่องง่ายมากที่พลาสติกชนิดนี้ ทนต่อทุกสภาวะอากาศไม่ว่าจะร้อนหรือฝนก็ตาม ดังนั้น
• ผลิตมาจาก TPU  ก่อนจะตั้งคำถามขึ้นมาว่า จะสั่งฟิล์ม TPU ติดรถดีไหม? มาดูก่อนว่า TPU ก็คือ พลาสติกคนละประเภทกับพลาสติกประเภท PPF โดยมีชื่อเต็มว่า เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน ว่ากันว่า ฟิล์มชนิดนี้มีความทนทานถึงขั้นนำมาผลิตเครื่องบินเจ็ทรวมถึงอากาศยานอื่นๆ ได้อีกด้วย มีหรือจะไม่มีคุณสมบัติทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ดังนั้น ถึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้ผลิตฟิล์มใสเห็นถึงข้อดีดังกล่าวของพลาสติกชนิดนี้ นำมาใช้ทำ ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์กันสะเก็ดหินปกป้องสีรถยนต์ ได้อีกด้วย ซึ่งก็ช่วยลดปัญหางานซ่อมสีต่างๆ ทั้งที่เกิดจากความร้อน ทำให้สีซีด รถดูไม่สวยและไม่น่าใช้งาน หรือสาเหตุมาจากเศษหินรวมถึงวัสดุของแข็งประเภทอื่น ๆ ซึ่งก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของงานซ่อมสีลงมาได้มากพอสมควรในส่วนของ PU ย่อมาจากโพลียูรีเทน ผลิตขึ้นมาก็เพื่อต้องการใช้แทนยางธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งพลาสติกที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยลดความหนาแน่นของ PU ลงมา ซึ่งถ้านำมาผลิตฟิล์มใสสำหรับติดรถยนต์ก็สามารถทำได้ ทว่า ไม่ทนทานเท่า TPU 

ฟิล์มใสกันรอย ช่วยป้องกันรถยนต์จากอุปสรรคทางถนนจริงหรือไม่?

ฟิล์มใสสำหรับติดรถมีความหลากหลาย ทั้งที่ผลิตมาจาก PPF TPU หรือแม้กระทั่ง PU ทำให้ ลูกค้าสามารถเลือกฟิล์มใสให้ตรงกับการใช้งานได้มากกว่า ทั้งนี้เพราะ การจะนำฟิล์มใสมาติดรถ ตำแหน่งติดรถมีทั้งหมดหลายจุด เช่น ฟิล์มใสกันรอยเบ้ามือจับประตู และอื่นๆ โดยแอดมินจะขอพูดถึงในหัวข้อสุดท้าย สำหรับเนื้อหาในหัวข้อนี้ ขอพูดถึง อีกหนึ่งคุณสมบัติอันแสนโดดเด่นของฟิล์มใส เชื่อว่า เป็นเรื่องที่ใครหลายคนต่างก็คาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า นอกจากปกป้องสีเดิมของรถรวมถึงกันรอยขีดข่วน ยังพบว่า ฟิล์มชนิดนี้ ยังนำมาใช้ลดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ดังนั้น ถึงไม่ได้มีเพียงแค่สั่ง ฟิล์มใสกันรอยติดคลุมรถยนต์ทั่วทั้งคัน เพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นมาดูว่า หลังจากติดฟิล์มใสไปแล้ว สามารถลดอุบัติเหตุได้จริงหรือเปล่า?

1. ป้องกันเศษยางมะตอย รถทุกคันต้องนำมาใช้ขับเคลื่อนประกอบกิจกรรมต่างๆ บนท้องถนน ทำให้ทุกเส้นทางที่รถกำลังขับเคลื่อน ต้องพบเจอกับอุปสรรคอีกมากมาย ทั้งในเรื่องของ การขับรถไปเฉี่ยวชนกับเสาจราจร หรือแม้กระทั่งต้นไม้บนไหล่ทาง แม้ว่า เราจะรอดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความพลั้งเผลอมาได้ก็ตาม ทว่า ถ้าการที่รถคันโปรดของเราไม่ติดเกราะนิรภัยเอาไว้ อันหมายถึง ไม่ติดฟิล์มใส PPF  ย่อมส่งผลกระทบไปที่ตัวถังรถหรือแม้กระทั่งบอดี้รถ จนทำให้ รถเกิดรอยขึ้นมา  แต่ถ้าติดฟิล์มใส ก็สามารถลดปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะ PPF เป็นพลาสติกที่มีความทนทานสูง
2. กันรอยจากเศษหิน อุปสรรคทางถนนอีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรมองข้ามระหว่างที่กำลังใช้รถ เห็นจะเป็นเศษหินต่างๆ ทั้งนี้เพราะ เส้นทางที่รถวิ่งผ่าน มีหลายรูปแบบ ทั้งถนนคอนกรีต ถนนยางมะตอย ถนนดินลูกรัง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา โดยเฉพาะถนนยางมะตอยและถนนดินลูกรัง อุปสรรคที่เจ้าของรถต้องเจอ นอกจากละอองฝุ่น ที่ก็ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคของการใช้รถ เพราะการที่ละอองฝุ่นติดรถขึ้นมาเมื่อไหร่ มีโอกาสที่จะใช้เวลาล้างรถนาน แต่พอติดฟิล์มใสไปแล้ว กลับพบว่า ล้างทำความสะอาดละอองฝุ่นได้ง่ายขึ้น เพราะละอองฝุ่นจะไม่เกาะบนฟิล์ม ในส่วนของเศษหิน ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ผู้ขับรถต้องเจอ โดยเฉพาะถนนดินลูกรัง หรือแม้แต่ ถนนที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ย่อมมีเศษหินหลงเหลือปลิวมาอยู่กลางถนน ทว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ติด ฟิล์มป้องกันสะเก็ดหิน ก็สามารถลดอุปสรรคดังกล่าวลงมาได้ รถจะไม่เป็นรอย ทำให้ไม่ต้องซ่อมสีรถ

ฟิล์มใสกันรอย กับเทคโนโลยีซ่อมแซมตัวเอง คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?

ซ่อมสีรถในรูปแบบเดิม เน้นไปที่การทำสีรถ ซึ่งก็ต้องผ่านกระบวนการเคาะ ขัด ทำสี จากนั้น ถึงนำชิ้นส่วนเข้าห้องอบ กว่าจะได้รถสีเดิมกลับมาใช้งาน ก็ต้องรอนานเป็นสัปดาห์ ทำให้ในเวลาต่อมา ผู้คนเริ่มคิดนวัตรกรรมต่างๆ ที่สามารถปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้ จะทำอย่างไร สีรถยังคงสดใสและไม่ต้องซ่อมสีบ่อยๆ นั่นก็คือ การนำ PVC มาแร็ปตัวรถ ซึ่ง PVC ก็มีหลายสีด้วยกัน ทว่า กรณี ต้องการสีเดิม สามารถสั่ง pvc ใสติดรถ โดย pvc สามารถป้องกันรอยขีดข่วนต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน กระทั่งในเวลาต่อมา ดูเหมือน ผู้ผลิตวัสดุสำหรับปกป้องรถยังไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถปกป้องสีเดิมของรถเอาไว้ โดยเพิ่มในส่วนความทนทานขึ้นมาอีก ได้แก่ ฟิล์มใส PPF และ ฟิล์มใส TPU ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่า PVC  จนนำมาใช้ผลิต ฟิล์มใสกันรอยกันชนหน้า ซึ่งหลังจากติดรถไปแล้ว ไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตาม เช่น  ฟิล์มใสกันรอยกระจกมองข้าง กลับพบข้อดีหลายข้อ โดยเฉพาะ ในส่วนของเทคโนโลยีการซ่อมแซมตัวเอง อันหมายถึง เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวรถเกิดรอยขีดข่วนขึ้นมา สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ถามว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือเปล่า? คำตอบอยู่ในบทความดังต่อไปนี้

• ไม่ต้องซื้อรถคันใหม่ รถถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับผู้คนไปแล้ว ทั้งนี้เพราะ เราสามารถใช้ประโยชน์จากรถมากมาย เช่น ขับรถไปทำงาน ท่องเที่ยว หรือทำกิจธุระสำคัญในชั่วโมงเร่งด่วน ในขณะเดียวกัน บางคน ซื้อรถมาเพื่อประดับบารมีและเสริมลุคให้กับตัวเอง เช่น การซื้อรถหรู ราคาหลักล้านเป็นต้น เพราะรถคันดังกล่าว สามารถทำให้ผู้ใช้รถดูภูมิฐานขึ้น ดังนั้น ก็ต้องให้ความสำคัญกับรถ เพราะรถเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อมาแล้ว ก็ต้องดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพปกติ โดยเฉพาะ ความสวยของรถ ใช้วิธีสั่งฟิล์มใสมาติดรถ ช่วยทำให้รถสวยซึ่งก็เป็นผลมาจากฟิล์มที่ผลิตมาจาก PPF สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปี นั่นหมายความว่า สีรถยังคงดูสดใสเหมือนใหม่เสมอ อีกทั้ง ยังไร้รอยขีดข่วนอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องซื้อรถคันใหม่ ก็ใช้งานรถคันเดิม ซึ่งก็ถือว่า เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่ากันเลยทีเดียว
• ไม่ต้องล้างรถบ่อยๆ อาจเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม ไม่เห็นว่า การล้างรถก็ถือได้ว่า เป็นต้นทุนแฝงอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ระหว่างไม่ติดฟิล์มใสกับติดฟิล์มใสไปแล้ว พบว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สั่ง ฟิล์มใสกันรอยกันรอยขอบประตู รวมถึง การติดฟิล์มรอบคันรถ กลับช่วยป้องกันละอองฝุ่นมาเกาะรถได้เป็นอย่างดี จนไม่ต้องง้อร้านล้างรถ เราสามารถใช้ไม้ขนไก่ปัดละอองฝุ่นออกจากรถได้เลย ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้รวมถึง ไม่ต้องไปร้านล้างรถบ่อยๆ เพราะการไปล้างรถในแต่ละครั้งใช้เวลารอเกือบ 1 ชั่วโมง ถึงนำรถมาใช้งานได้

 การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการติดตั้ง ฟิล์มใสกันรอย กับการซ่อมแซมสีรถ

เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า? เหตุใดราคาฟิล์มกันรอยรถถึงค่อนข้างแพง? ก็จะบอกว่า การที่ฟิล์มใสมีราคาแพง เริ่มมาจาก การใช้โปรแกรมดำเนินการตัดแบบฟิล์มใสที่จะนำมาติดรถในหลายๆรูปแบบ โดยแต่ละจุด ก็จะมีขนาดและแบบที่แตกต่างกันไป อีกทั้ง ยังต้องติดฟิล์มใสด้วยมือ  ทั้งนี้เพราะ การติดฟิล์มใส มีในส่วนความโค้งของรถ ซึ่งก็ต้องใช้ความปราณีตในการติดฟิล์มใสทำให้ช่างที่เลือกมาติดฟิล์มใสรถ ต้องเป็นช่างที่มีความชำนาญ ทำงานออกได้อย่างรวดเร็วแต่สวยงาม อีกทั้งเก็บรอยขอบต่างๆ ได้อย่างมิดชิดจนละอองฝุ่นไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในฟิล์มใสได้ ทำให้ฟิล์มใสราคาค่อนข้างสูง ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับการทำสีรถ แอดมินได้สรุปข้อเปรียบเทียบระหว่าง ค่าใช้จ่ายในการทำสีรถและค่าใช้จ่ายกรณีต้องการติดฟิล์มใสเอาไว้แล้วดังต่อไปนี้

1. ติดฟิล์มใส ประกอบไปด้วยฟิล์มใสและค่าแรงช่างทักษะที่มีความชำนาญในการติดฟิล์มใส ถามว่า มีวิธีคิดราคาอย่างไร ก็ต้องบอกว่า คิดตามตำแหน่งที่จะนำฟิล์มใสมาติด ยกตัวอย่าง ติดฟิล์มใสตรงบริเวณกันชนหน้า กระจกมองข้าง รวมถึงโคมไฟ ค่าใช้จ่าย จะอยู่ระหว่าง 15,000-30,000 บาทติดฟิล์มใสตรงบริเวณกันชนหน้า กระจกมองข้าม โคมไฟ รวมถึง ฝากระโปรงหน้ารถ ราคาอยู่ระหว่าง 25,000-50,000 บาทติดฟิล์มทั้งคัน ราคาประมาณ 120,000-130,000 บาท หรือ อาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์รวมถึงชนิดของฟิล์มใสที่นำมาผลิต ฟิล์มใสกันรอยฝากระโปรงหน้าและบังโคลนหน้าบางส่วน เป็นต้น
2. ซ่อมสีรถ ถ้านำมาเปรียบเทียบกับการติดฟิล์มใส ต่อให้ ทำสีรถทั้งคัน กรณีพบว่า รถสีซีด ดูไม่น่าใช้งาน ราคาก็ยังถูกกว่าติด ฟิล์มกันรอย(ProtectionFilm) โดยทั่วๆไปแล้ว การทำสีรถทั้งคัน ราคาจะอยู่ที่ 30,000-50,000 บาท ซึ่งถ้าลองเปรียบเทียบกับการติดฟิล์มใสทั้งคัน ก็ยังพบว่า ราคาค่อนข้างถูกกว่ามากพอสมควร ทำให้ เจ้าของรถบางคนที่มีรถสำรองเอาไว้ใช้งาน หันมาทำสีรถแทนการติดฟิล์มใส ซึ่งก็ช่วยลดต้นทุนซ่อมสีรถลงมาได้เช่นเดียวกัน

ประสบการณ์ผู้ใช้ ผลลัพธ์จริงหลังการติดตั้ง ฟิล์มใสกันรอย บนรถยนต์

การทำสีรถจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ สีรถเดิมเริ่มซีดหรือมีรอยขีดข่วนที่ไม่สามารถแก้ไขได้อีก ทำให้ มีความจำเป็นต้องทำสีรถ ในขณะที่ การติดฟิล์มใส เป็นเรื่องของการป้องกันรถจากมลภาวะต่างๆ รวมถึง เป็นการปกป้องสีเดิมของรถที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้สีเดิมยังคงดูสดใสและไม่ต้องทำสีรถ เพราะฉะนั้น จะทำสีรถหรือติดฟิล์มใส ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่ถ้าต้องการปกป้องสีเดิมของรถ ก็ควรต้องติดฟิล์มใสตั้งแต่วันแรกที่ซื้อรถ ซึ่งในระยะยาว ก็ไม่ต้องเข้าร้านทำสีรถบ่อยๆ ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะฉะนั้น ในหัวข้อนี้ มาดูว่า ผลลัพธ์จากการติดฟิล์มใส ที่รวบรวมมาจากประสบการณ์ผู้ใช้งานจริงมีอะไรบ้าง แอดมินรวบรวมผลลัพธ์ที่ลูกค้าประทับใจเอาไว้ถึง 3 ข้อ ด้วยกัน ดังต่อไปนี้

• สะท้อนแสงยูวี ดูเหมือนว่ารังสียูวี เป็นรังสีอันตรายที่ใครก็ตาม ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต่อให้นั่งทำงานภายในออฟฟิศ แต่ถ้าผนังกระจกไม่ติดฟิล์มลดรังสียูวี ก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นเดียวกันที่ รังสียูวีจะสะท้อนเข้ามาภายในออฟฟิศ จนสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับผิวหนัง กรณีของ ฟิล์มกันรอยมือจับประตูisuzu รวมถึงการนำฟิล์มใสมาติดรถและกระจกรถ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรังสียูวีได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้เพราะ จุดเด่นอีกข้อของฟิล์มใสที่ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อน เห็นจะเป็นในเรื่องค่า reflectiveness ที่ค่อนข้างสูงจนรังสียูวีไม่สามารถสะท้อนเข้ามายังห้องโดยสาร ทำให้ ผู้โดยสารรวมถึงผู้ขับรถปลอดภัยจากสารยูวี
• ลดความเสียหายของสีรถที่อยู่บนตัวถังรถรวมถึงตรงจุดอื่นๆ เป็นเรื่องปกติที่บางครั้ง ความประมาทเพียงเล็กน้อย สามารถนำพาอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้ใช้รถ จนทำให้ สีของรถถลอกและเกิดรอยขีดข่วน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้ว การติด  ฟิล์มใสกันรอยติดคลุมบางส่วน กลับช่วยลดความเสียหายของสีที่เกิดมาจากอุบัติเหตุได้มากกว่าการไม่ ติดฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ราคาถูก  ดังนั้น ถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของงานซ่อมสีลงมาได้พอสมควร

ผลลัพธ์สุดท้ายที่น่าสนใจจนทำให้ต้องสั่งฟิล์มใสมาติดรถรอบคัน เห็นจะเป็นในเรื่องความยืดหยุ่นที่ฟิล์มใสมี กรณี ต้องการนำมาติดตามมุมต่าง ๆ ของรถ ที่มีทั้งส่วนโค้ง หรือตามซอก ซึ่งถ้าฟิล์มที่เลือกเป็นฟิล์ม TPU หรือฟิล์ม PPF ทั้ง 2 แบบ เป็นฟิล์มที่สั่งตัดตามแบบได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังบาง ทำให้หลังจากติดฟิล์มไปแล้ว และทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง โดยไม่ใช้งานทันที แทบดูไม่ออกเลยว่า รถคันนี้ได้ติดฟิล์มใสทั้งในส่วนของงานภายในและงานภายนอก

 ฟิล์มใสกันรอย สำหรับรถยนต์ ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองหรือการเดินทางไกล

การติดฟิล์มใสค่อนข้างมีประโยชน์หลายข้อ ซึ่งเพื่อนๆหลายคนก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า การติดฟิล์มใสมีประโยชน์ในเรื่องทั่วๆไปอย่างไร? ทว่า ถ้ามองให้ลึก ก็จะพบว่า แท้ที่จริง การติดฟิล์มใส ยังทำให้การใช้ชีวิตนั้นง่ายขึ้น ทั้งนี้เพราะ ในชีวิตประจำวันของเรา จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยรถยนต์ส่วนตัวทำกิจกรรมต่างๆมากมาย บางคนใช้เวลาภายในรถมากกว่า 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ก็ยิ่งทำให้ การติดฟิล์มใสนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็นไปแล้ว ทั้งการใช้รถภายในเมืองรวมถึง การขับรถไปต่างจังหวัดดังนี้

1. การติดฟิล์มใสตรงบริเวณหลังคารถ คุณสมบัติอีกข้อของฟิล์มใสที่เมื่อนำมาติดหลังคารถแล้ว กลับช่วยในเรื่องของนำมาใช้ลดความร้อน ทำให้สามารถลดความร้อนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับรถไปต่างจังหวัดที่ใช้เวลาในการเดินทางตั้งแต่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป รวมถึง การขับรถภายในเมือง ทว่า ต้องเผชิญกับรถติดในช่วงเวลากลางวัน การติดฟิล์มใสบนหลังคารถ กลับช่วยลดความร้อน อีกทั้ง ถ้านำมาใช้งานร่วมกับฟิล์มกรองแสงสีเข้มติดกระจกรถยนต์ ก็ยิ่งช่วยทำให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศภายในรถลงมาได้มากพอสมควร
2. เดินทางไกลได้ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นแบบใดก็ตาม จุดแข็งของฟิล์มใส ก็คือความทนทานเป็นพิเศษจนนำมาผลิต ฟิล์มใสกันรอยเบ้ามือจับประตู รวมถึง สั่งผลิต ฟิล์มใสกันรอยติดคลุมเพื่อป้องกันการสึกหรอ ทำให้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการเดินทางไกล และต่อให้เส้นทางจะเป็นแบบใดก็ตาม ก็ไม่ต้องกลัวว่า สีรถจะเสียสภาพหรือเปล่า? ทั้งนี้เพราะ ฟิล์มที่ผลิตมาจาก PPF และ TPU ต่างเป็นฟิล์มใสที่ทนต่อแรงกระแทกได้หลายเท่า และต่อให้โดนสะเก็ดหิน รถก็จะไม่เป็นรอยเช่นเดียวกัน อีกทั้ง การเดินทางไกล ยังต้องพบเจอกับอุปสรรคทางถนนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ละอองฝุ่น ดินลูกรัง ฝนที่บังเอิญกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง หรือแม้แต่ เป็นตัวเราเองที่ทำตัวเองเป็นอุปสรรค เผลอขับรถเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่มีผลต่อสีรถ ทว่า หลังจากติดฟิล์มใสไปแล้ว ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป

 ฟิล์มใสกันรอย ติดส่วนไหนของรถได้บ้าง

จะติดฟิล์มใสทั้งที สามารถติดฟิล์มใสได้ด้วยตัวเอง หรือจ้างช่างร้านทำฟิล์มใสให้ช่วยติดฟิล์มใส ทั้งหมดแล้วแต่เรา ทว่า ถ้าต้องการจะติดฟิล์มใส ก็ควรสอบถามช่างก่อนว่า มีแนวทางในการติดฟิล์มใสอย่างไรบ้าง? ทั้งนี้เพราะฟิล์มใสไม่เหมือนกับสติ๊กเกอร์ มีความยากในการติดมากกว่า ดังนั้น ก็ต้องศึกษาวิธีติดฟิล์มใสให้เป็นก่อน แล้วงานติดฟิล์มใสบนรถถึงจะเป็นเรื่องง่าย ในส่วนของการจ้างช่างติดฟิล์มใส ควรจ้างก็ต่อเมื่อ ต้องการติดฟิล์มใสรอบคันรถ เพราะเรื่องแบบนี้ ต้องใช้เวลาอีกทั้งช่างติดฟิล์มใสมีความชำนาญในการติดฟิล์มใสมากกว่า ซึ่งก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างทำฟิล์มใส แล้วรถที่ติดฟิล์มใสถึงสวยและดูน่าใช้งานเพิ่มมากขึ้น

สำหรับตำแหน่งติดฟิล์มใส เบื้องต้น ขอพูดถึงตำแหน่งติดฟิล์มใสคร่าวๆ โดยแบ่งตำแหน่งสำหรับติดฟิล์มใสเอาไว้ถึง 4 จุดด้วยกัน ดังต่อไปนี้

• ที่จับประตูรถ เชื่อหรือเปล่า ตรงบริเวณที่จับประตูรถจะเป็นจุดที่สีลอกก่อนจุดอื่น ทั้งนี้เพราะ จุดนี้ จะเป็นจุดที่ใช้เปิดปิดบ่อยๆ มากที่สุด ซึ่งการที่ ที่จับประตูโดนสัมผัสบ่อยๆ อีกทั้ง ยังต้องเจอทั้งความร้อน สีรถตรงบริเวณดังกล่าวถึงลอกออกง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งถ้าสีลอกออกมาแล้ว รถก็จะดูไม่สวย เพราะเห็นถึงผิวรถ ดังนั้น เพื่อลดปัญหาสีลอก ควรสั่ง ฟิล์มใสกันรอยติดที่จับประตู ก็จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
• ฝาท้าย แม้ไม่ได้โดนสัมผัสบ่อยเท่าที่จับรถ ทว่า การที่ฝาท้ายรถโดนความร้อนบ่อยๆ รวมถึง กรณีจอดรถเอาไว้ตรงบริเวณใต้ต้นไม้ แล้วจู่ๆ มูลนกหล่นใส่ฝาท้าย ซึ่งการที่เราไม่ได้สั่งทำฟิล์มใสกันรอยกาบฝาท้าย มาใช้งานตั้งแต่ตอนซื้อรถ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการจะกำจัดมูลนก กลับทำได้ยากมากกว่า อีกทั้ง การไม่ติดฟิล์มใส ปล่อยรถให้ตากแดดเป็นเวลานานรวมถึงจอดรถตากฝนบ่อยๆ ก็มีโอกาสสูงเช่นเดียวกันที่ สีรถจะซีดอีกทั้งค่อยๆ ร่อนหลุดออกมาจากฝาท้าย ดังนั้น วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดนั่นก็คือ ติดฟิล์มใส
• ชายบันไดรถ รถทุกประเภทมาพร้อมชายบันไดรถ ทว่า ตรงจุดนี้ กลับเป็นจุดที่ผู้คนส่วนใหญ่มองข้าม เห็นว่าไม่สำคัญด้วยซ้ำ จนทำให้ไม่มีการสั่งผลิต ฟิล์มกันรอยชายบันไดรถยนต์ เหมือนตรงบริเวณอื่นๆ ทำให้ในเวลาต่อมา สีชายบันไดรถหลุดร่อนออกมาจนทำให้รถดูไม่สวย เพราะฉะนั้น ก็ควรต้องติดฟิล์มใสลงบนชายบันไดรถ ถึงช่วยทำให้ ชายบันไดสวยและกลมกลืนไปกับตัวรถ

อื่นๆ ก็จะเป็นฝากระโปรงหน้ารถ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรต้องสั่งทำฟิล์มใส เพื่อทำให้ดูเข้ากันได้กับฝาท้ายรถที่ได้สั่ง ฟิล์มใสกันรอยรอยกาบฝาท้าย มาใช้งาน จนทำให้ ภาพรวมรถทั้งคัน ยังคงดูสวยอีกทั้ง สีรถไม่หลุดร่อนหายไปไหน จนขับรถไปอวดใครต่อใครได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสีรถใหม่